โครงการนักธุรกิจสตรีอนุรักษ์โลกตัวอย่าง
ในปัจจุบัน ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) กำลังเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน เช่น อุณหภูมิที่ร้อนขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การคาดคะเนฝนและผลผลิตทำได้ยากขึ้น ภาวะแห้งแล้งและน้ำท่วม ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งและนานขึ้น การเกิดพายุที่มีความรุนแรงขึ้น เห็นได้ชัดว่าความร้ายแรงของภัยพิบัติเหล่านี้ กำลังเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศ
ดังนั้นคนไทยจำเป็นที่จะต้องเริ่มสนใจและให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Green Growth คือ การพัฒนาระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
โดยการสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ลดการสร้าง
มลพิษและการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรธรรมชาติรักษา
ธรรมชาติและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
กลยุทธธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Growth Strategy) เป็นการพัฒนาธุรกิจ
โดยผสานแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธการทำธุรกิจขององค์กร ทำให้
องค์กรยังสามารถสร้างกำไรและพัฒนาสิ่งแวดล้อมได้ไปพร้อม ๆ กัน
การพัฒนาธุรกิจที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมสามารถยกระดับสุขภาวะและสร้างโอกาสพัฒนาผู้หญิง ทั้งในฐานะผู้นำ คนทำงาน คนในชุมชน การสร้างเสริมสุขภาวะเป็นการเพิ่มศักยภาพของผู้หญิงอันเป็นกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในสถาบันสังคม
สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในฐานะหน่วยงานภาคประชาสังคมที่ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพการประกอบอาชีพของสตรีในประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทสตรีกับการพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้ริเริ่มรางวัลสุดยอดสตรีนักธุรกิจอนุรักษ์โลก ครั้งแรกใน ปี ๒๕๕๗ โดยได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจาก USAID
ในปีถัดมาได้เป็นภาคีกับ USAID กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในปี ๒๕๕๙ ได้เปลี่ยนชื่อรางวัลเป็น รางวัลสตรีนักธุรกิจอนุรักษ์โลกตัวอย่าง ที่มีภาคีร่วมกันคือ สหพันธ์ฯ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ USAID โดยแบ่งเป็น ๑๐ รางวัล เพื่อมอบให้สตรีเจ้าของสถานประกอบกิจการ หรือสตรีนักบริหาร หรือสตรีผู้นำกลุ่มหรือชุมชน ที่นำแนวคิดการพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของประเทศมาใช้ในองค์กรตน โดยจะมีการมอบรางวัลให้กับผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และผู้นำระดับชุมชน
รางวัลนี้ไม่เพียงแต่จะประกาศเกียรติคุณแก่สตรีผู้นำองค์กรธุรกิจหรือชุมชนที่ได้ประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ยังเป็นส่วนช่วยเผยแพร่และจุดประกายแนวความคิดรักษาสิ่งแวดล้อมไปยังสตรีผู้บริหารในองค์กรอื่น ๆ อีกด้วย
- เพื่อยกระดับความตื่นตัวทางสิ่งแวดล้อมในภาคเอกชนโดยรวม
- เพื่อกระตุ้นสตรีนักบริหารให้พัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- เพื่อตระหนักถึงคุณค่าความสำเร็จของสตรีนักบริหารที่ประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- เพื่อหากลยุทธเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นแบบให้ธุรกิจอื่น ๆ นำไปใช้ เพื่อขยายผลต่อไป
- สตรีเจ้าของสถานประกอบกิจการ เจ้าของกิจการ หรือสตรีที่เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาคเอกชน ที่ทั้งองค์กรขนาดใหญ่ กลาง เล็ก หรือผู้นำกลุ่มธุรกิจหรือชุมชนในประเทศไทย
- ใช้กลยุทธทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ลงทุนและทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนพนักงาน คนในชุมชน ให้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- บริหารธุรกิจเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี
- ดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี
- มีการวัดผลทั้งทางธุรกิจและผลลัพท์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชน
- กรณีเป็นผู้บริหารของบริษัท ขนาดของบริษัทที่เข้าร่วมได้มีดังนี้
- ใหญ่ (พนักงาน ๕๐๐ คนหรือมากกว่า)
- กลาง (พนักงาน ๒๐๐-๔๙๙ คน)
- เล็ก (พนักงาน 50-199 คน)
- กรณีเป็นผู้นำกลุ่มหรือชุมชน จำนวนคนต้องมี 10 คนหรือมากกว่า
- ประเมินจากความมุ่งมั่น นวัตกรรม กลยุทธธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความเป็นผู้นำของสตรี
นักบริหารในการพัฒนาองค์กรและ/หรือ ชุมชน โดยยึดหลักการประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ประเมินจากการมีส่วนร่วมของสตรีในองค์กรและชุมชนในกิจกรรมที่รักษาสิ่งแวดล้อมและลดโลกร้อน
- ประเมินจากผลประโยชน์ที่บุคลากรชายหญิงในองค์กรหรือประชาชนทั่วไปได้รับจากการอนุรักษ์สิ่งแวด
ล้อมและส่งเสริมการลดโลกร้อนขององค์กร
กิจกรรมเด่นของสหพันธ์